hero-image

ซันเดย์เสนอเบี้ยประกันในราคาที่ใช่

ซันเดย์ เสนอเบี้ยประกันในราคาที่ใช่สำหรับลูกค้า ด้วยเทคโนโลยีจาก Amazon Web Services (AWS)

“ด้วยเทคโนโลยีจาก AWS ทำให้ซันเดย์สามารถก้าวขึ้นเป็นบริษัท InsurTech ชั้นนำในตลาดประกันภัยของประเทศไทย ผนวกกับการนำ Machine Learning เข้ามาใช้ ทำให้ลูกค้าของซันเดย์ ได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าบริษัทประกันแบบเดิมๆ”

Cindy Kua

CEO, Sunday

รู้จักกับ ซันเดย์

บริษัท ซันเดย์ อินส์ ก่อตั้งและมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศไทย ซันเดย์ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในธุรกิจประกันภัยยุคใหม่ที่ผสานการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้กับธุรกิจประกันภัย หรือที่เรียกกันว่า InsurTech (อินชัวร์เทค) อาทิ เช่น การนำเทคโนโลยี Machine Learning มาใช้ในการสร้างโมเดลการประเมินความเสี่ยงของผู้เอาประกัน ทำให้เกิดกรมธรรม์ที่มีความหลากหลาย มีความยืดหยุ่น และเหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละคนที่มีความต้องการแตกต่างกัน ด้วยราคาเบี้ยประกันที่ถูกกว่า โดยลูกค้าสามารถจ่ายเบี้ยเฉพาะในส่วนที่มีความจำเป็นต้องใช้งานเท่านั้น

บริษัท InsurTech ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทในรูปแบบของ Startup ที่มีการนำนวัตกรรม Machine Learning ที่ทำงานบนระบบ Cloud Computing มาเป็นหัวใจหลักของบริษัท โดยนวัตกรรมนี้จะช่วยลดต้นทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทฯสามารถขยายและพัฒนาธุรกิจได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ

คุณ Cindy Kua, CEO ของบริษัทซันเดย์ อธิบายว่า “เทคโนโลยี Cloud Computing มีความเหมาะสมในหลายประการกับรูปแบบและพันธกิจของซันเดย์ Cloud Computing สามารถช่วยทำให้ซันเดย์เป็นบริษัทที่ asset-light นั่นคือ การลดต้นทุนในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Data Center Cost) ของบริษัท ทำให้ซันเดย์สามารถที่จะให้เวลาและความสำคัญไปกับการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายหลักของธุรกิจ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้บริโภคได้ ทั้งนี้ เทคโนโลยี Cloud ยังตอบโจทย์ในเรื่องของการความรวดเร็วในการขยายธุรกิจไปยังตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคได้ โดยไม่ต้องกังวลกับการสร้าง IT Facilities”

ซันเดย์ได้มองหาบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยี Cloud ที่สามารถประมวลผล ในส่วนของงาน Machine Learning ที่มีการใช้ในการคำนวณเบี้ยประกันภัย (Premium-Calculating Engine) คุณ Cindy กล่าวว่า “การใช้ Cloud Infrastructure นั้นสามารถทำให้ซันเดย์ สามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วอีกทั้งด้วยระบบที่มีเสถียรภาพ ยังช่วยสร้างประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีให้กับลูกค้าของซันเดย์ได้” สำหรับการคำนวณราคาเบี้ยประกันภัยนั้น ซันเดย์สามารถประมวลผลข้อมูลเพื่อใช้ในการคำนวณเบี้ยได้อย่างรวดเร็วในหลักเสี้ยวของวินาที (Millisecond) ได้ถึงหลายล้านกรมธรรม์ในขณะเดียวกัน

ทำไมต้อง Amazon Web Services (AWS)

Amazon Web Services นำเสนอ Solution ที่มีความยืดหยุ่นต่อการเลือกใช้แพลตฟอร์ม Machine Learning ที่มีความหลากหลายมากกว่าบริษัทอื่น ๆ “เราได้รับการติดต่อจากหลายบริษัท แต่ละบริษัทนั้นจะมีเทคโนโลยี Machine Learning Solution เป็นของตนเอง แต่ว่า AWS มีความยืดหยุ่นกว่าในเรื่องนี้ โดย AWS ให้ความอิสระในเรื่องของการเลือกใช้เทคโนโลยี Machine Learning ทำให้เราสามารถเลือก Solution ที่เราต้องการได้เอง ซึ่งเราได้เลือกใช้เทคโนโลยี H2O.ai ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Open Source มาใช้สำหรับการพัฒนางาน AI และ Machine Learning ทั้งหมดของซันเดย์”

จากการใช้งาน AWS Cloud ของซันเดย์นั้น คุณ Cindy ได้เล่าว่า “AWS Cloud นั้นมีความง่ายเป็นอย่างมากในการนำมาใช้งาน ทาง AWS มีซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ซันเดย์สามารถสร้างและจัดการระบบต่างๆ ได้อย่างอัตโนมัติ” ทางซันเดย์ได้ร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ของ AWS ในเครือข่าย AWS Partner Network (APN) โดยมีบริษัท Cloud Kinetics ที่เป็น Premier Consulting Partner เข้ามาช่วยซันเดย์ ในการออกแบบ และวางโครงสร้างพื้นฐานของระบบ AWS ในช่วงเริ่มแรก
คุณ Cindy Kua ได้กล่าวต่ออีกว่า “เราสามารถสร้าง Production Environment บน Cloud ได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 2 เดือน หลังจากนั้นทางซันเดย์ก็สามารถที่จะบริหารจัดการระบบทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง”

ระบบ Machine Learning ของซันเดย์นั้นมีการประมวลผลอยู่บนคลัสเตอร์ของ Amazon Elastic Compute Cloud (Amazon EC2) เมื่อลูกค้าได้มีการกดขอราคาเข้ามา ระบบ Machine Learning จะทำการการประมวลข้อมูลหลายล้านบรรทัด ที่ได้มีการจัดเก็บใน Amazon Relational Database Service (Amazon RDS) จากนั้น AWS Lambda จะทำการประมวลผลชุดคำสั่งเพื่อให้ระบบ Machine Learning เริ่มทำการคำนวณและสามารถเสนอราคาให้กับลูกค้าได้อย่างทันท่วงที

ในเรื่องของการจัดการ request ที่เข้ามาในระบบ ซันเดย์ได้ใช้ระบบ Elastic Load Balancing ในการแจกจ่าย request ให้กับระบบต่างๆ ส่วน Amazon CloudFront นั้นถูกนำมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งต่อข้อมูลในระบบ AWS Cloud ให้เกิดความเร็วสูงสุด นอกจากนั้นแล้วทางซันเดย์ ยังได้มีการใช้ Amazon Elastic Container Services (Amazon ECS) ในการอัพเดทชุดคำสั่งในระบบ “เรารัน DevOps โปรแกรมเพื่อใช้ทดสอบชุดคำสั่งใหม่ๆในทุกๆ คืน Amazon ECS ช่วยทำให้การทดสอบนี้เป็นไปอย่างอัตโนมัติ ทำให้การทำงานของทีม developer ของเรามีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก” คุณ Cindy กล่าว

ประโยชน์ที่ได้รับ

บริษัท ซันเดย์ เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจด้าน InsurTech เจ้าแรกๆ ในประเทศไทย ซันเดย์ใช้ความสามารถของ Machine Learning และข้อมูลขนาดใหญ่ในการคำนวณความเสี่ยงที่มีความซับซ้อนสูงได้อย่างแม่นยำและทำให้เหมาะสมกับผู้บริโภคที่มีความเสี่ยงต่างกันได้ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำ อาทิเช่น คู่แต่งงาน หรือ ผู้ขับขี่ที่มีประวัติการขับขี่ที่ดี ไม่ต้องรับภาระจ่ายเบี้ยที่สูงเกินจำเป็น สามารถจ่ายเบี้ยประกันในราคาที่ถูกกว่าราคาที่ต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันแบบเดิมๆ ได้สูงถึง 10-20 เปอร์เซ็นต์

คุณ Cindy ยังได้กล่าวต่อว่า “ด้วยเทคโนโลยีจาก AWS ทำให้ซันเดย์สามารถก้าวขึ้นเป็นบริษัท InsurTech ชั้นนำในตลาดประกันภัยของประเทศไทย เมื่อผนวกกับการนำ Machine Learning เข้ามาใช้ด้วยนั้น จึงทำให้ลูกค้าของซันเดย์ได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าบริษัทประกันแบบเดิมๆ” นอกเหนือไปจากข้อเสนอของราคาที่ดีกว่าแล้วนั้น ทางซันเดย์ยังสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยได้หลากหลายและมีความสร้างสรรค์ ต่างจากบริษัทประกันอื่นทั่วไป ด้วยเทคโนโลยีจาก AWS ที่มีเสถียรภาพมากถึง 99.999 เปอร์เซ็นต์ รวมกับความสามารถของเทคโนโลยี Machine Learning ทางซันเดย์จึงสามารถคำนวณวิเคราะห์ความเสี่ยงของลูกค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันภัยในแต่ละประเภทได้อย่างแม่นยำ ยังผลให้ซันเดย์สามารถออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยในรูปแบบใหม่ๆได้ อาทิเช่น กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์สำหรับวันหยุด (Weekend Car Insurance Policy) เพื่อให้ตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยไม่ต้องจ่ายความคุ้มครองในวันที่ไม่ได้ขับในวันทำงาน (จันทร์-ศุกร์) ที่ลูกค้ากลุ่มนี้มักจะเลือกเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะแทน ทำให้ลูกค้าสามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันได้มากกว่าประกันแบบเต็มปีทั่วไปได้”

ตั้งแต่มีการเปิดตัวบริษัทในช่วงเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2560 ซันเดย์ได้รับผลตอบรับในผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่างๆ ที่สร้างโดยใช้เทคโนโลยี Machine Learning ที่ทำงานอยู่บนคลาวด์ของ AWS เป็นอย่างดีจากลูกค้า ด้วยยอดขายที่เติบโตเฉลี่ยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ในทุกๆ เดือน อันเนื่องมาจากฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากนั่นเอง

“ต้องขอบคุณ AWS ที่ทำให้เราสามารถขยายธุรกิจและระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของบริษัทได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี AWS Lambda ช่วยให้ซันเดย์สามารถคำนวณความเสี่ยงของลูกค้า โดยอาศัยข้อมูลที่เป็นปัจจัยในการพิจารณาความเสี่ยงต่างๆ หลายพันปัจจัย มาทำการคำนวณได้ในหลักหลายพันล้านครั้ง เพื่อให้ได้เบี้ยประกันสำหรับเสนอต่อลูกค้าแต่ละคน เมื่อลูกค้ามีการเรียกดูและค้นหาผ่านทางช่องทางต่างๆของซันเดย์ ในขณะที่ยอดการเข้าชมเว็บไซต์และการค้นหาเบี้ยประกันกับซันเดย์นั้นมีการเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก AWS Lambda ก็สามารถจัดการเพิ่มทรัพยากรขึ้นลงได้ตามความต้องการที่เกิดขึ้นในขณะนั้น นอกจากนี้ การใช้ AWS Cloud ยังช่วยให้การคำนวณสมการที่มีความสลับซับซ้อนสูงนั้น เป็นไปด้วยความรวดเร็วในหลักเสี้ยววินาที (millisecond)” คุณ Cindy กล่าว

สุดท้ายนี้ทางซันเดย์ยังมีแผนการที่จะการขยายธุรกิจของซันเดย์ต่อไปในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการที่ซันเดย์ใช้ระบบ Cloud นั้น ทำให้ซันเดย์ไม่จำเป็นต้องลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไอทีทุกทุกครั้งที่มีการเปิดตลาดใหม่ในแต่ละประเทศ คุณ Cindy กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราสามารถขยายธุรกิจได้ด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากเราไม่ต้องกังวลในเรื่องการวางระบบไอทีของบริษัทใหม่ทุกครั้งในเวลาที่เราเปิดให้บริการในตลาดใหม่ในต่างประเทศ อีกทั้งยังสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งในข้อได้เปรียบของซันเดย์ในการเป็นบริษัท Asset-Light”

ที่มา

https://aws.amazon.com/solutions/case-studies/sunday_insurance/